ร่มที่เรียกว่า Umbrella มีรากศัพท์มาจากคำว่า Umbra ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลว่า "บังแดด" เกิดขึ้น เมื่อราว 3,400 ปีก่อน ในดินแดนเมโสโปเตเมีย ซึ่งเป็นดินแดนที่ร้อนระอุตลอดทั้งปี จึงมีการใช้ร่มบังแดด ร่มเป็นเครื่องหมายแสดงตำแหน่งและเกียรติยศ
ชาวกรีกได้รับเอาวัฒนธรรมการกางร่มมาจากอียิปต์ ซึ่งเชื่อกันว่า ท้องฟ้าคือร่างกายของเทพธิดานามว่า "นัต" ซึ่งปกคลุมโลกดุจร่มอันมหึมา มนุษย์จึงได้คิดสร้างร่มขึ้นไว้เป็นตัวแทนของเทพธิดานัต เพื่อใช้ปกป้องคุ้มครองผู้ที่อยู่ใต้ร่มเงา ผู้ที่จะกางร่มได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจเท่านั้น
จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ผู้ที่กางร่มส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นผู้หญิง เพราะเนื่องจากว่าผู้ชายกลัวที่จะโดนสบประมาทว่าอ่อนแอ จึงไม่ค่อยมีใครนิยมกางร่มเท่าใดนัก จนในปี ค.ศ.1750 โจนาส แฮนเวย์ ชายชาวอังกฤษ เป็นชายคนแรกที่ลุกขึ้นมาพกร่ม ท่ามกลางเสียงเย้ยหยันของคนรอบข้าง แต่เขาไม่สนใจ และยังยืนยันว่าจะพกร่มต่อไป จนกระทั่งการพกร่มเป็นที่ยอมรับของคนอังกฤษไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ได้มีการจดบันทึกทางประวัติศาสตร์ไว้ว่า ร่มขนาดใหญ่ที่ใช้บังแดด (sun protecting Parasol) มีต้นกำเนิดมาจากชาวอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณ 3,500 ปีมาแล้ว โดยเริ่มแรกนั้นจะใช้ใบปาล์มติดกับแกนถือและใช้กันเฉพาะในกลุ่มขุนนางสังคมชั้นสูง กลุ่มผู้นำศาสนา และพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้น ในช่วงเวลาดังกล่าวร่มถูกมองเป็นสัญลักษณ์และกลุ่มขุนนางสังคมชั้นสูงจะมีวัฒนธรรมความเชื่อว่าต้องมีผิวสีขาวซีด ไม่โดนแดด
ร่มประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คึอ ส่วนด้าม ส่วนตัวร่ม และส่วนซี่ร่ม
ร่มที่ใช้กันโดยทั่วไป เป็นร่มกันแดดกันฝน สำหรับใช้คนเดียว หรือสองคนเป็นอย่างมาก สามารถกันแดด และกันฝนได้ แต่นอกจากนี้ ยังมีร่มสำหรับใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่น